วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556

บันทึกยี่สิบเก้า...คำว่าครอบครัว

ไม่รู้ว่า...ความหมายของคำว่า "ครอบครัว" ของคนอื่นเป็นเช่นไร
แต่สำหรับเรานั้น ก็คงมีความหมายไม่แตกต่างจากคนอื่น มากนัก


ไม่ว่าเราจะอยู่สถานะไหน ก็เข้าใจกัน

กำลังเรียน อีกคนทำงาน
มีปัญหาเรื่องงาน
เจ้านายไม่พอใจเนื้องาน
เจ้านายใช้งานจนเที่ยงคืน
กลับบ้านมาเหนื่อย ทำงานโต้รุ้ง
ป่วยไม่สบาย ผ่าตัด
เข้าโรงบาล
เป็นหนี้
ฯลฯ



ไม่ว่าเราจะลำบากอะไร ก็ช่วยเหลือกัน

ไม่มีเวลาทำงานบ้าน
มีธุระชนกัน
ซื้อกับข้าวเข้าบ้าน
งานด่วน
ช่วยทำงานที่ทำได้
ถือของหนัก



ไม่ว่าเราจะเดือดร้อนอะไร ก็ไม่ทิ้งกัน

ป่วยจิตกลัวหมาตาย ก็ฝากเราเลี้ยง (สะงั้น)
ช่วงนี้ป่วย ออดๆ แอดๆ แม่ก็ช่วยออกค้ารักษาให้
ป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออักเสพ
ก็มีคนช่วยถือของแทนให้




ไม่ว่าเราจะห่างไกลกัน ก็คิดถึงกัน

ข้าวเย็นกินไร
มีไรกินรึยัง
ฝนตกอย่าลืมเก็บผ้า
.....


ต่อให้ไม่มีเรื่องพูดคุย
เราก็ยังอยู่ด้วยกัน


เรื่องสุข เรื่องทุกข์ เรื่องธรรมดา เรื่องสนุก เรื่องประทับใจ เรื่องสงสัย
ก็เอามาเล่ามาแชร์กัน


ต่อให้มีเรื่องโกรธเรื่องเคื่อง ไม่ชอบกัน
เราก็ยังให้อภัยกัน


กินข้าวเย็น


ไปเที่ยวบ่าง


ซือของจำเป็น


พักผ่อน


ชีวิตครอบครัว
มันก็แค่นี้เองไม่ใช่หรอ ?
มันคือเรื่อง ธรรมดา ที่ทำอยู่ทุกวัน
ก็แค่....ไม่ได้อยู่ตัวคนเดี่ยว



วันธรรมดา
ที่อยู่ด้วยกัน
แล้วสบายใจ



ถึงตอนนี้เราจะมีแม่และพี่
แต่แม่ก็ไม่ได้อยู่กับเรานานจนวันเราตาย
พี่ก็อาจจะแต่งงานไปมีครอบครัวของเค้า



กลัว....วันที่เราต้องอยู่คนเดี่ยวจะมาถึง

วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

บันทึกยี่สิบแปด...ละมั้ง

ความจริงตอนเขียน...ไม่ใช่สิ ตอนพิมพ์ข้อความอันนี้
ก็เดือนมีนาปี ค.ศ. 2014 หรือ พ.ศ. 2557


อืมมม....จะให้บันทึกมันขาดช่วงตอนไป 3-4 เดือน
ก็น่าเสียดาย


พิมพ์เรื่องไรสาระลงไป
ก็ไม่มีใครคนอื่นมาอ่านอยู่ดี


เพราะฉะนั้น
พิมพ์เรื่องน่าอายของตนเองลงไป
ก็คงไม่เสียหายสิน่ะ
ถือว่า เป็นการระบายความรู้สึก
ที่ไม่สามารถบอกใครๆ ได้


ถึงแม้อาจจะมีคนหลงเข้ามาเจอ
แต่ก็คงไม่ใส่ใจ
แล้วเปลี่ยนไปดูหน้าเฟจอื่นต่อทั่นที่นั้นแหละ


เรื่องใหม่ๆ  ที่จะพิมพ์ต่อไปนี้
จะมีในเดือนมีนาปี 2014
ก็แค่เราได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ
เรียนรู้นอกห้องเรียน


วิถีชีวิตจริง
มันพึ่งจะเริ่ม

วันอังคารที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2556

บันทึกยี่สิบเจ็ด...อยากเปลี่ยนแปลงตนเอง

อยากเปลี่ยนแปลงตนเอง....


เราได้มองกระจก
ที่ไม่ใช่คุยกับตนเอง
แต่คุยกับคนที่เราสามารถ
พูดถึงตัวตนของเราที่แย้ๆ หรือ
ตำหนิเรา หรือ ให้คำปรึกษา
หรือ คนที่บอกหลายมุมมอง
คนอื่น ตัวเรา และ ตัวของเค้าเอง
หรือ คนที่ด่าเราได้จริงใจที่สุด


ก็คงไม่พ้น....พี่เราเอง


เราเองก็รู้สึกเป็นบ้างครั้งว่าเราเปลี่ยน
แต่ก็กลับมาเหมือนเดิม
(และชีวิตก็วน อยู่อย่างนั้น)

แต่เราได้ "ทางออก" ของตนเองแล้วละ

อยากจะลองกลับไปทำสิ่งที่ตนเองชอบอีกครั้งและลองทำมัน


รู้สึกเหมือนหลายครั้งที่ตนเองโง้
แ่ต่พอเราได้รับฟังประสบการณ์
ของคนอื่น เรารู้สึกเราฉลาดขึ้น
ได้เห็นมุมมอง และ สิ่งที่สำคัน
เราห้ามมองตัวเราเองก่อน
ในเวลาคุยกับคนอื่น

เราว่าการที่เราถูกด่าในครั้งนี้
เราฉลาดขึ้น ได้เห็นตนเอง


เรายอมรับเลยว่า เราเป็นคนมองโลกแง้ลบ
เราได้แต่ฟังเรื่องสิ่งทีไม่ดี ของคนอื่น
ประสบการณ์แย้ ๆ ของคนอื่น
ทำให้เรากลัว ไม่ไว้ใจใครง่ายๆ
และตำหนิตนเอง อยู่หลาย ๆ ครั้ง


แต่เราลืมไปอย่างหนึ่งมาตลอด
....เราลืมมองดูตนเอง...
...เราลืมให้กำลังใจตนเอง...
...เราลืมให้กำลังใจคนรอบข้าง....
...เราลืมคนรอบข้าง...
....เราลืมเป้าหมายของเราเอง...
....เราลืมทำเพื่อคนอื่นและตนเอง...


เราแค่อยากลืมสิ่งที่มาทำร้ายเรา
สิ่งที่ทำให้เราทุกข์ใจ
เราคิดว่าลืม แล้วจะช่วยเราได้
ลืมเพื่อไม่ให้มันมาหนักใจ
แต่เราลืมที่จะเปลี่ยนตนเอง



เมื่อก่อนเราคิดแค่ว่า
อยากให้ใครสักคน
มาเปลี่ยนแปลงตัวเราในตอนนี้
มาสร้างสีสัน ให้กับชีวิตเรา


เราหยุดนิ้งมานาน
เราคงต้องเรียนรู้จักคน
เพื่อที่เราจะเปลี่ยนแปลงตนเอง
ที่ไม่ใช่เราในวันนี้
เราไม่ได้อยู่ตัวคนเดี่ยว

วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2556

บันทึกยี่สิบหก...คำพูด หลอกล่วง

ไม่ว่าจะ ตอนหลับ ตอนตื่น
คำ คำนี้ก็ยังย้ำเตือนใจตนเองเสมอ



ร่า่งกายที่หนักอึ้ง
แบกรับเรื่อง ต่างๆ มากมาย
เรื่องของตนเอง
เรื่องคนรอบข้าง
เรื่องของคนใกล้ชิด
เรื่องของคนในครอบครัว


อยากจะมองว่า เป็นเรื่องไรสาระ
แต่ว่าน่ะ...มันเป็นเรื่องสำคัญ
การมองข้างบ่างสิ่ง
อาจจะทำให้เรา
ไม่เห็นสิ่งสวยงาม


ใช่...มันเป็นเรื่อง...สิ่งสวยงาม


ฟังดูแปลกไปไหม ?
แต่เราว่าไม่แปลก
เพราะเป็นสิ่งที่คนอื่น
ไม่ค่อยมองเห็นกัน
หรือไม่สังเกต


เพราะเมื่อคนเราพูดออก

คำพูดหักหลัง
คำพูดหลอกล่วง
คำพูดด่าท่อกัน
คำพูดเรียกร้องความสนใจ

พอผู้พูดพูดจบไปแล้ว ก็จะลืมเลื่อนไป


สบายใจกันแล้วสิน่ะ....
แต่รู้ไหมคนที่รับฟังน่ะ...
รู้สึกยังไง ?


สัจจะ สำหรับ มนุษย์
ไม่มีอยู่จริงหรอก
เราอยู่ในโลก
แบบนั้น


คิดแ้ก้ปัญหากันบ้างไหม ?
พูดมาแล้วจะมีไรเปลี่ยน ?


สัจจะ คงมีได้แค่...ตัวเราเอง
พูดความจริงกับคนอื่นไป
จะมีคนเชื่อสักกี่คน ?


ไม่มีใครเข้าใจตัวเราเองดีเท่ากับตัวเราเองอีกแล้ว


อิสระภาพสำหรับเรา
คงเป็นสิ่งที่เหงาน่าดู
แต่ก็เป็นสิ่งที่รู้สึกสบายใจ

วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2556

บันทึกยี่สิบห้า...เบื่อ

ไม่รู้ว่า เราคิดไปเองหรือเปล่า
เหมือนชีวิตมัน วนเป็น....วง....กลม.....
ไม่สิ....มันต้องเลข "แปด!!!"


ขาดแรง บันดาใจ เอามากๆ
หรือว่า ต้องทำสิ่งที่ชอบ เช่น.....วาดรูป......
แต่ถ้าไม่มี อารมณ์ศิลป์
ต่อให้วาดรูปเสร็จ
มันก็คงเป็นรูปที่ไร้จิตวิณญาณ



เราคงเรียนผิดที่ จริงๆ นั้นแหละ
ตั่งแต่เริ่มเรียน
สิ่งที่อยากจะทำ
มันเริ่มหายไป

เราคงกำลังจะกลายเป็นผู้ใหญ่เหล่านั้น สิน่ะ

วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

บันทึกพิเศษ...แค่คำว่า "ขอโทษ" มันยากเกินไปใช่ไหม ?

เรื่องมันมีอยู่ว่า...ไปกินข้าวนอกบ้านกับครอบครัว


ความจริงเราอิ่มแล้ว
แต่เห็นว่า นานๆ ที
พี่สาวตนเองจะกลับมาบ้าน
ก็โอเคร ได้ ไรประมาณนั้น
จะได้กินข้าวพร้อมหน้ากัน


แต่เจ้ ดื่อ จะเอาหมาเข้าร้านอาหารไปให้ได้
ปกติร้านอาหารเค้าห้ามเอา สุนัขเข้าอยู่แล้ว
แต่พนักงานก็ ย่วนให้ โดยให้นั้งกิน นอกห้องแอร์


ไปถึงไม่มีปัญหาอะไรเลย
ปัญหาเกิดตรงที่ว่า
พอได้โต๊ะที่จะนั้งเนี่ยแหละ


พนักงานเชิญเข้าห้องแอร์ และเราอุ่มหมาอยู่
สองตัวดี เดินเข้าไปเลย
ไม่เอะใจเลยว่า เค้าห้ามเอาหมา เข้าห้องแอร์


เราเองก็ทำตัวไม่ดีด้วย
ที่ตะโกนเรียกข้ามหัวคนที่นั้งอยู่เป็นแทบ
มันช่วยไม่ได้นี้น่า ปัญหามันเกิด กระชันชิด
ต้องตัดสินใจ เร่งดวน
พอเราพูดต่อว่าแม่กับเจ้ ว่า
ทำไมไม่เอะใจกันเลยว่า
เค้าห้ามเอาหมาเข้า
ทำไมไม่ดู ไม่บอกพนักงานบ้าง ว่า
มีหมามาด้วยเอาเข้าไปได้ไหม


แค่นั้นแหละ....


ทำไมต้องด่าเรากลับมาด้วยว่า
มึงมัน งุงิ (ซัพวัยรุ่นไรสักอย่าง ประมาณว่าทำตัวไม่ได้เรื่อง)
มึงมันไม่โต ทำไมต้องตะโกน (มาลองเป็นเราบ่าง มา และเจอ สถาณการณ์จวนตัว)
โดนแม่โอ้มากไปละ (เราว่า เรามีเหตุผลน่ะ แต่เจ้พูดอะไรที่ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย)


ทำให้เราคิดได้ว่า พอเราเรียนจบต้องเจอกับเรื่อง อะไรที่มัน ไร้เหตุผลเอามากๆ หรือเปล่า ?
เราต้อง ยกเหตุผล งี้เง่า มาต้องสู้กับเรื่องไร้เหตุผล พวกนั้นด้วยใช่ไหม ?
เพื่อที่จะเอาแค่ "ชนะ" กับเรื่องไร้เหตุผล นั้น


และอีก ร้อยแปดพันเก้า
ที่ยกเรื่อง อื่นมาบ้างละ เรื่องนั้นมาบ้างละ



.......งี้เง่าสินดี กับเหตุผลที่เอามาใช้ด่าเรา.....



สรุป...มึงมันไม่ยอมรับความผิดเองไม่ใช่เรอะ ?


ขอสาบายกับตนเองเลยว่า
จนถึงวันตาย เราไม่ขอเถียงกับเรื่องไร้สาระ และ ไร้เหตุผล
เพราะ คนที่เถึยงกับเรื่องแบบนั้น
มันไร้ "สติ" และ "เหตุผล" และ "สมอง" อย่างที่สุด


ชาติหน้า และไม่ว่า ชาติไหนๆ
ขออย่าให้เจอ คนแบบนี้อีกเลย
เสียความรู้สึกดีๆ ที่เคยทำให้เลย จริงๆ

วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

บันทึกยี่สิบสี่....บล๊อก

ไม่น่าเชื่อว่า

จะมีค้า views สูงเกือบถึง 1 หมื่น
ก่ะว่าจะทำเป็น บล๊อกส่วนตัว
เขียนเรื่องไร้สาระ

คงต้องหาเวลาว่าง
แล้วแก้ไข ข้อมูลทั้งหมด
ให้เป็น ปัจจุบัน สะแล้วละมั้ง

คิดแล้วรู้สึก ขี้เกียด 
อยากนอนดู อนิเมะ
สักร้อยเรื่อง
แล้วค่อยแก้ไข บล๊อก
อืม...เป็นเหตุผลที่ดี

วันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2556

บันทึกยี่สิบสาม...ชีวิต

ชีวิต...ครอบครัว


เราเคยคิดว่า
มันเป็นรูปแบบการใช้ชีวิตที่ดีที่สุด
และน่าใผ่ฝัน


" อบอุ่น ไม่โดดเดี่ยว ไม่เหงา มีคนมาพยายามเข้าใจ และ อยู่เคียงข้างเราเสอม "


แต่ พอ มอง ชีวิต ครอบครัว ของ คนอื่นๆ
ความรู้สึกเหมือนว่า
อยากจะมีชีวิตครอบครัวอย่างในฝัน
มันละลายหายไปกับกาลเวลา ณ ตอนที่คิดได้


ถ้าหากมีใครมาบอกว่า
ทำนี้สิ แล้วชีวิตจะดีขึ้นเอง

ร้อยทั้งร้อย
ไม่มีใครเข้าใจตัวเรา
เท่ากับตัวเราได้อีกแล้ว



เราอาจจะ กลัว...อยู่ก็ได้ มั้ง
ที่จะต้องใช้ชีวิต อยู่ตัวคนเดี่ยว
ไปจนวันแก่ตาย



มันคงเป็นเหตุผลส่วนหนึ่ง
ของคนที่มีชีวิตครอบครัวแล้ว
ก็เป็นได้....

ก็แค่ไม่อยากอยู่ตัวคนเดี่ยว
ในเวลาที่จะจากโลกนี้ไป

คงรู้สึก...เหงาน่าดู

วันพุธที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

บันทึกยี่สิบสอง...ตัวตนที่แท้จริง

บ้างคนอาจจะนึกสงสัยอยู่ก็เป็นไปได้...ว่า



เราเป็นใคร

เกิดมาทำไม

อยู่เพื่ออะไร



มันคงเป็นเพียงคำถามในวัยเด็ก

เชื่อสิ

ไม่ว่าใคร ตอนเด็ก
ก็มีคำถามนี้อยู่ภานในใจ


แต่พอเราโตขึ้นก็จะ พบคำตอบ หรือไม่
เราก็จะ หล่งลืมคำถามนี้ไปพร้อมคำตอบ
และใช้ชัวิตอยู่ตรงหน้า


บ้างคนใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย

บ้างคนใช้ชีวิตที่เหลือไปวันๆ


มันคือความต่างของ " แรงบันดาลใจ "
ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะเปลี่ยนความฝันเป็นความจริง

ตอนเด็กๆ เราทำได้แค่นึก และ ฝันถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
พอเราโตเป็นผู้ใหญ่ เรากลับมาทบทวนสิ่งที่ผ่านไปแล้ว


" เพื่อที่จะไม่ลืมตัวตนของตนเอง "


ว่าเราเป็น " มนุษย์ "
ที่มีชีวิตอยู่เพื่อ อยู่ร่วมกับผู้อื่น
สนับสนุนซึ้งกันและกัน
ข่วยเหลือซึ้งกันและกัน

และแบ่งปั่นความสุข
ไปสู่คนรอบข้าง ต่อๆ ไป


แต่ในปัจจุบัน
คงมีน้อยคนลงทุกวัน
ที่คิดถึงตรงจุดนี้


เราโชคดีอยู่หน่อย ละมั้ง
ได้เจอคนที่คิดถึง
กันและกัน


" ขอบคุณมากจริงๆ คนแสนดีที่เราได้พบเจอ หนึ่ง คน "


อืมมม
มากกว่าหนึ่งคนนี้หว่า
เป็นผู้หญิงสะส่วนใหญ่
ผู้ชายหนึ่งคน....


ผู้ชายดีๆ หาเจอ ยาก น่าเนอะ
ไม่รู้ว่ามีแฟนไปแล้วหรือยัง
แต่ก็น่าจะมี แหละมั้ง (=w=)

วันจันทร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2556

บันทึกยี่สิบเอ็ด...น้ำตา

บ้างครั้ง...
การดูหนัง ชีวิต ดรามา
แล้วน้ำตาไหล่ออกมา
ทำให้เราได้รู้ว่า...
เรายังมีหัวใจ


การโตเป็นผู้ใหญ่
บ้างครั้งเรารับรู้ถึง
หัวใจที่ด่านชา
มองเรื่องของคนอื่น
เป็นเรื่องปกติทั่วไป


ไม่รู้สึกสนุกกับสิ่งที่ทำ
เห็นแต่เรื่องเดิมๆ
ปัญหาเดิมๆ
ความขัดแย้งเดิมๆ

เรากำลังกลายเป็น
ผู้ใหญ่เหล้านั้นหรอ?



ถ้าหากเลือกได้...ไม่ว่าใคร
ก็คงอยากมีความฝันเป็นของตนเอง
แล้วทำมันให้เป็นจริง

เราแค่โชคไม่ดี
ที่ไม่ได้ทำตามความฝันของตนเองก็แค่นั้น

วันเสาร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2556

บันทึกพิเศษ...วันเกิดอายุ22

งานวันเกิดเล็กๆ
ที่จัดกันแค่ในครอบครัว

งานไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย
แต่ก็ทำให้ดีใจได้ทุกครั้ง

คือ กินข้าวนอกบ้านพร้อมหน้ากัน


มันคือ "ช่วงเวลา"
ที่หาไม่ได้บ่อยอีกแล้ว

ช่วงเวลานั้น คือ ของขวัญสำหรับเรา

ปล.พี่ออกค้าอาหารให้ด้วย ฮ่า (^.^) กินที่ฟูจิ

วันศุกร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2556

บันทึกยี่สิบ...Free time

...ปิดเทอมฤดูร้อน 2556....


ไม่มีอะไรในโลก
ที่วิเศษไปกว่านี้อีกแล้ว
มันคือ...ช่วงเวลาว่าง


อยากจะทำอะไรก็ได้ทำ
แบบตามใจตนเอง


เวลาอยู่กับผู้อื่นคือ
เวลาตามใจคนอื่น


ซึ่งเรามักจะเจอแต่
เรื่องมาก มากเรื่อง

มันคือ สิ่งที่เราชอบมากที่สุด

วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

บันทึกพิเศษ...เรื่องงี้เง่าของคนอื่น

วันนี้เจอเรื่องเด็ดๆ มาละ...หึหึ
วันนี้สอบวิชา นวัตกรรม
ใช้พวกโปรแกรมสอบ
วันนี้เจอเด็ก อยู่ 1 คน
เป็นคนที่แค่เรื่องของตนเองก็ยังไม่จำ


มันคือเรื่องงี้เง่าขอบคนอื่น
เป็นของที่สุด ที่เราเคยเจอมาเลย จริงๆ
มันยังมียิ่งกว่านี้อีกไหม ???


มันคงจะเอาสมองไปจำเรื่องไรสาระอย่างอื่นสะมากกว่าละมั้งนั้น


ถามแค่ว่า " งานของตนเองเก็บไว้ตรงไหน (ทั้งที่ตนเองเก็บเองแท้ๆ) ??? "


เกิดชาติหน้าไปแก้ตัวใหม่ไป
เสียชาติเกิดที่เกิดเป็นมนุษย์เลย จริงๆ
มีมันสมองสะเปล่า

วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

บันทึกพิเศษ...เรื่องตลก

เรื่องตลก...ที่ขำไม่ออก


มันน่าหัวเราะให้เสียงดังจริงๆ
กับคนๆ หนึ่ง ที่ตามเซ็ดก้นของตนเอง
โดยไม่คำนึงถึงสายตาคนรอบข้าง
เค้าจะรู้บ่างไหมน่ะ ว่า...

มันดูทุเรศ สิ้นดี



เราว่าเราทำบุญให้เค้าแล้วน่ะ
โดยการไม่ยุ้งเกี่ยวกับคนพันธ์นี้อีก
เพราะไม่มีอะไรดี แค่เป็นผู้ให้ความรู้
ที่ไรทักษะและประสบการณ์หรือไง
เค้าไม่รู้ประวัติของเด็กที่เค้าสอน หรือ
ไม่รู้ประวัติ ลึกๆ ของเด็กแต่ละคน เลย
เพราะเด็กไม่ใช่ผ้าสีขาวอีกแล้ว
เพราะสังคมย้อมสีเด็กเป็นสีอื่นไปแล้ว
และสิ่งที่เด็กจะอยู่ลอดในสังคมได้
คือ ต้องย้อมสีตามสังคม


วิชาที่คนๆ นี้ สอน คือ จิตวิทยา


จิตวิทยา!!! โอว์แม่เจ้า
เชื่อเราเถอะ เค้าสอนจิตวิทยา จริงๆ
สอนจิตวิทยา แต่เค้าไม่เข้าใจเด็กเลย
หรือเราต้องถามเค้าไหมว่า

" เค้าเข้าใจตนเองดีหรือยัง ??? "

ขำจนวันตาย จนถึงล้านชาติหน้า
ก็ยังขำไม่หายเลยจริงๆ
เราอาจจะเป็นแค่ประวัติด่างพล้อย ของคนๆ นี้
และคนๆ นี้ ก็แค่ สร้างเวร สร้างกรรม กับเราก็เท่านั้น


สุดท้าย...
ขอกล่าวจารึกไว้เลยละว่า
ครั้งแรก...แค่รับรู้ว่า ยังมีหัวอยู่ในมหาลัย
ครั้งที่ 2...ยังพอทน และ เรายังไว้หน้า
แต่...เราไม่มีโอกาศให้ครั้งที่ 3...
ถ้ายังมีครั้งที่ 3...รับรองได้เลย...
เพราะเราจะเล่นคืน
จะพูดชีกหน้าให้ดูกันที่เดี่ยว
ต่อให้เป็นคนที่มีศัก และ
มีบุญคุณต่อผู้อื่น มากมายเพียงใด ก็ตาม

มันก็แค่...เรื่องตลก

วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

บันทึกสิบเก้า...โสด

โสด นั้นไม่ได้แปลว่า ไม่ดี
โสด นั้นแปลว่า เรายังไม่มีใคร


ตอนนี้เราคงว่างจัดมาก
มานั้งนับอายุตนเองว่า อายุเท่าไรแล้ว


ผู้ชาย อายุ 15 ยังโสดถือว่าไม่แปลก
ผู้หญิงอายุ 30 ยังโสดถือว่าไม่แปลก


ลืมนับอายุตนเองมากี่ปีแล้วน่า ตั่งแต่เรียนมหาลัยมั้ง
หลังจากนั้นก็จำอายุตนเองไม่ได้เลย
ตอนนี้ตนเองก็คงจะอายุสัก เกือบๆ 22 ปี มั้ง
เรามั่วแต่สนุกกับชีวิตในมหาลัย
จนลืมหาแฟนเป็นตัวเป็นตนสักคนไปแล้ว


พูดถึงแฟน ก็ ต้องหมายถึง ผู้ชาย นั้นแหละ
พูดถึงผู้หญิง ก็ มีเข้ามาตั่งแต่อยู่ ม.ปลาย
...ชีวิตตรูอาภัพรักตั่งแต่ยังสาวหรอเนี่ย...
ถ้าจะให้นับผู้ชายที่เข้ามาจีบเรา
แล้วเราไปปฏิเสธไป ก็...1 คนละมั้ง
เจอกันในเฟคบุ๊ค เค้ากำลังฝึกทหาร
เค้าดูเป็นคนเฮฮ่าพูดเก่ง
แต่เราคิดว่า...เราไปกันไม่ได้หรอก
เพราะเราเป็นคนน่าเบื่อ...มั้ง
เลยสร้างเรื่อง เราแสดงวา เราโมโหเค้า
แล้วทำเงียบไป ตอนนี้เค้าคงลืมเราไปแล้ว


จะมีใครที่ยอมรับความน่าเบื่อของเราได้บ่างละเนี่ย ฮ่ะ ฮ่ะ
และเราก็คิดว่า ถ้าเราอายุ 30 แล้ว และยังหาแฟนไม่ได้สักคน
ก็จะคร่องตนเป็นโสดไปตลอดชีวิตดีกว่า


เราคงได้แค่คิดว่า
จะมีใครที่รักเราจริงๆ
และอยู่กับเราไปตลอดชีวิตไหมน่า

เพราะถ้าหากไม่มี...
...เราคงจะเหงาไปตลอดชีวิต

วันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2556

บันทึกพิเศษ...สัญญา

เราเคยเพ้อฝัน...ว่า ชีวิตนั้นสวยหรู งดงาม
ผู้คนเป็นมิตร มีน้ำใจ แบ่งปั่น
เราหวังว่า จะได้เจอ คนรัก
ดีดี สักคน...ที่จะ
อยู่ร่วมกับเรา
และเค้ายอมรับเรา
ที่เป็นตัวเรา ในตอนนี้
หรือในภายภาคหน้า
อยู่ด้วยกันตลอดไป...


เมื่อตื่นขึ้นมาพบความจริง...
ไม่มีอะไรเลย ที่เป็นดั่งที่วาดฝันไว้
ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ตรงกันข้ามหมด...


เหมือนตื่นขึ้นมาเจอฝันร้าย
อยากหลับ และ ตื่นที่โลกแห่งความฝัน


...ความเป็นจริงโหดร้ายเสมอ...


เราเลิกคาดหวัง กับความจริง
และใช้ชีวิตอยู่กับความจริง
และรับรู้ถึงความเป็นจริง
และยอมรับความจริง


การใช้ชีวิตแบบฝันหวาน
มัน คือ เรื่องบ้าบ่อที่สุด


ยอมรับ อดีต ปัจจุบัน และ อนาคต ของตนเอง
แล้วก้าวไปข้างหน้า และตั่งเป้าหมาย
ให้ตนเองใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความสุขแบบ
พอดี พอใจ และ เพียงพอ


มันคือตัวเราในตอนนี้


คำสัญญาแห่งหัวใจ

วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2556

บันทึกพิเศษ...อนิเมะ

อนิเมะในเดือน มกราคม ของปีนี้
ไปเจอเรื่องน่าสนใจมาหลายเรื่อง
แต่ไม่มีเวลาว่างดูได้ทั้งหมดเลย ตอนนี้

- baka to test to shoukanjuu ni (ดูจบแล้ว)
- btooom (ดูจบแล้ว ซึ้งมาก)

ตั่งเป้าหมายว่าจะดูตอนปิดเทอม
- Sakurasou no Pet na Kanojo
- Ano Hi Mita Hana no Namae wo Bokutachi wa Mada Shiranai ( ano hana )
- nyaruko san
- Durarara!!!
Kyo ตอนที่ 1
- ashita no kyouko-san ( เป็นฟนังสือการ์ตูน น่าสนใจดี )
- beelzebub
- Zoids Fuzors หุ่นรบไดโนเสาร์ zoids
- air gear
- bleach เทพมรณะ ตอนที่ 173
- Balto บัลโต้ ยอดสุนัขนักสู้ -
- Shakugan no Shana
- Hell Girl เฮลเกิร์ล
- accel world
- Omamori Himari
- bento
- legend of the legendary heroes
- ผู้พิทักษ์สลับขั้ว
- maoyuu maou yuusha (มาใหม่ สนุกมาก)*
- Kokoro Connect "เชื่อมหัวใจ สลับร่างอลเวง"
- [TH]เปลวฟ้าผ่าปฐพี ตอนที่ 1
- เคียวนัยตายักษ์
- KimiKiss ตอนที่ 01-1
- MM! ยายตัวแสบกับนายมาโซ!
- Sora no Otoshimono ~Forte~
- BEET นักล่าอสูร

วันอังคารที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2556

บันทึกสิบแปด...วันแรก ปี ๒๕๕๖

วันนี้มีช่วงเวลาดีๆ และไม่ดี ในวันเดี่ยวกัน


เรื่องแรก
มีคนเพียงคนเดี่ยวที่เราคิดถึงมากที่สุด
ในวันปีใหม่แบบนี้
ถึงแม้จะได้คุยกัน นิดๆ หน่อยๆ ก็ตาม
แต่มันก็เปลียบสะเหมือน
ของขวัญปีใหม่ ที่มีค้าที่สุด
"...ขอฝากเนื้อฝากตัวอีกเช่นกัน..."
ก็ยังคงเป็นชอบเค้าข้างเดี่ยวเหมือนเดิม



เรื่องที่สอง
ไปไหว้พระ...ถึงแม้จะไม่ใช่คู้รัก
แต่ก็เป็นครอบครัว
ที่ทำให้เราโสดจนถึงบัดนี้
และต้องค่อยดูแลเค้า
จะมีใครอื่นได้...ก็แม่ตรูนั้นแหละ
ถึงจะมีเรื่องในเหนื่อยใจ
มีเรื่องให้ปวดหัว
แต่พวกเราก็อยู่ด้วยกันได้
มีเรื่องแบ่งปั่นรอยยิ้มกันไม่เยอะ
แต่ก็อุ่นใจ



เรื่องที่สาม
แน้นอน...เวลาที่คนเราอยู่ด้วยกัน
มันก็ต้องมีเรื่อง ทะเรอะ กันบ้าง
แน้นอน...ยิ่งกว่า เราเป็นฝ่าย
ต้องอดทน กับนิสัยอิสระเสรี
และไม่เห็นหัวเราเป็นที่สุด

เค้าน่าจะสังเกตบ้างน่ะ
ว่าเรากำลังทำไรอยู่
ต้องการใช้สมาธิ อยู่ไหม
ไม่ใช่ทำไรตามใจตนเอง
จนไม่มองกัน แทมก่วนเราอีก
มันช่างน่าโมโห จริงๆ
กับสิ่งที่เรากำลังทำอยู่

เค้าโย้นเราเข้า "คณะ" ทีเราไม่ชอบเลยมาตั้งแต่ต้น
และต้องจำใจทนเรียนให้จบให้ได้
เค้าจะรู้บ้างไหมว่า
เราต้องอดทนแค่ไหน
และเครียดมากแค่ไหน
และต้องเจอ อะไรบ้าง
ในแต่ละวันที่เข้าเรียน
และเค้าก็ไม่ช่วยไรเราเลย
...นี้เราถูกปล่อย ลอยแผ่ อยู่ใช่ไหม...

...เราไม่เคบร้อยไห้ต่อหน้าเค้า...

เค้าไม่เคยรับรู้ถึงควาขมขื่นของเราเลย
แต่สิ่งที่เราทำไม่ดีกับเค้าไปวันนี้
มันเทียบกับความข่นขื่นของเราได้ไหมน่ะ
ถ้าหากเรายังอยู่กับเค้า
แล้วเค้ายังกดดันเราอยู่แบบนี้
เลิกเรียนดีกว่าไหม
เราเริ่มรู้สึกไม่ไหวแล้ว
ถ้าหากต้องเรียน และ แต่ละวัน
ต้องเจอ สภาพชีวิตแบบนี้
...เหนื่อย...และ...ท่อ...มากมาก เลยด้วย

นี้สิน่ะ วันแรกของวันปีใหม่ของเรา
มันให้ความรู้สึกขมขื่นนี้เอง

มีแม่ที่เด็กลงทุกวัน....ตรูจะเอาไปปล่อยวัด
ถ้ายังไม่เลิกนิสัยแบบนี้
ที่เจอแบบนี้ไม่ใช่ครั้ง สองครั้ง....(T.T) เซ็ง ว่ะ